ฟันปลอม

คลินิกทันตกรรมวิลเด็นท์ (Will Dent Dental Clinic)
คลินิกทันตกรรมครบวงจร ดูแลฟันสวย ส่งต่อรอยยิ้มที่มั่นใจ

ฟันปลอม คืออะไร มาทำความรู้จัก “ฟันปลอม” แบบต่างๆกันเถอะ

ฟันปลอม คือสิ่งที่ประดิษฐ์ขึ้นมาเพื่อทดแทนฟันธรรมชาติที่สูญเสียไป โดยมีวัสดุหลากหลายชนิด ที่สามารถนำมาผลิตเป็นฟันปลอมได้ เช่น พลาสติก เซรามิค หรือโลหะ เป็นต้น ซึ่งวัสดุแต่ละประเภท ก็จะมีจุดเด่นจุดด้อยแตกต่างกันไป ดังนั้น การเลือกฟันปลอมที่เหมาะสมที่สุดในแต่ละกรณี จึงเป็นเรื่องที่จะต้องใช้ข้อมูลหลายๆด้านมาประกอบการตัดสินใจ 

ฟันปลอมแบบถอดได้ คืออะไร

ฟันปลอมที่ไม่ได้ยึดแน่นอยู่ในช่องปาก สามารถถอดเข้าออกเพื่อนำออกมาทำความสะอาดนอกช่องปากได้ มีลักษณะเป็นฟันปลอมแต่ละซี่ ยึดติดอยู่กับฐานของฟันปลอมที่ทำจากวัสดุหลายประเภท ซึ่งตัวฟันปลอมแบบถอดได้นี้ หากจะถามว่า ฟันปลอมมีกี่แบบ 
จะสามารถแบ่งย่อยได้อีก 4 ประเภท ตามวัสดุที่ใช้ทำฐานของฟันปลอม นั่นคือ  ฟันปลอมฐานพลาสติก

1. มีลักษณะเป็นฟันปลอมพลาสติกเป็นซี่ๆ ยึดอยู่กับฐานฟันปลอมที่ทำจากอะคริลิกสีชมพู ตกแต่งให้ดูคล้ายคลึงกับเหงือกธรรมชาติ มีได้ตั้งแต่ 1 ซี่ ไปจนถึงหลายซี่ โดยในกรณีที่เป็นฟันปลอมหลายๆซี่ อาจพบมีตะขอที่ทำจากโลหะ ช่วยยึดเกี่ยวกับตัวฟันธรรมชาติที่เหลืออยู่ในช่องปาก เพื่อให้ฟันปลอมยึดเกาะได้แน่นขึ้น

ข้อดีของฟันปลอมถอดได้ฐานพลาสติก
1. ทำได้ง่าย ใช้เวลาไม่นาน เนื่องจากขั้นตอนในการทำไม่ซับซ้อน
2. สามารถถอดออกมาทำความสะอาดได้ง่าย
3. ราคาไม่แพง สามารถเบิกประกันสังคมได้

 

ข้อเสียของฟันปลอมถอดได้ฐานพลาสติก

1. อาจทำให้ผู้ใส่เกิดความรำคาญ เนื่องจากฐานของฟันปลอมที่มีขนาดใหญ่ และหนา
2. การยึดเกาะจะไม่ค่อยแน่น อาจหลุดเวลาเคี้ยว หรือเวลาพูดได้ ถ้าฟันปลอมหลวมมากๆ

3. มีประสิทธิภาพในการบดเคี้ยวอาหารต่ำกว่าฟันปลอมประเภทอื่น
4. อาจมีเศษอาหารเข้าไปติดใต้ฐานฟันปลอม โดยเฉพาะถ้าเป็นอาหารเศษเล็กๆ เช่น เม็ดน้ำตาล หรือเม็ดพริก จะกดเหงือกและทำให้รู้สึกเจ็บมาก
5. ฐานของฟันปลอมที่เป็นอะคริลิก จะดูดสี และกลิ่น จากอาหารที่รับประทานเข้าไป เกิดการเปลี่ยนสีได้

6. มีอายุการใช้งานสั้นกว่าฟันปลอมชนิดอื่น ใช้งานไปซักพัก จะหลวมมากขึ้นเรื่อยๆ
7. สันเหงือกอาจเกิดการยุบตัวได้
8. มีโอกาสแตกหักได้ง่าย ถ้าทำหล่น

2. ฟันปลอมฐานโลหะ เป็นฟันปลอมที่มีลักษณะคล้ายกับฟันปลอมฐานพลาสติก แต่จะเปลี่ยนในส่วนบริเวณฐาน เป็นโครงโลหะแทน และจะมีอะคริลิกสีชมพูแปะอยู่บางส่วน โดยซี่ของฟันปลอม จะเป็นพลาสติกเช่นเดียวกันกับฟันปลอมฐานพลาสติก

ข้อดีของฟันปลอมถอดได้โครงโลหะ

1. ฐานโลหะจะมีความเล็ก บางมากกว่าฐานพลาสติก ทำให้เวลาใส่จะรำคาญน้อยกว่า
2. อายุการใช้งานนานกว่า อาจมีอายุการใช้งานมากกว่า 10 ปี
3. การปรับตัวในการใส่ฟันปลอม การบดเคี้ยวและการออกเสียง จะทำได้ง่ายกว่าฟันปลอมฐานพลาสติก

ข้อเสียของฟันปลอมถอดได้โครงโลหะ
1. อาจมองเห็นตะขอสีเงินได้ในบางบริเวณ ซึ่งอาจมีผลต่อความสวยงาม
2. มีราคาสูงกว่าฟันปลอมฐานพลาสติก

3. เพิ่มขั้นตอนในการทำมากกว่าฟันปลอมฐานพลาสติก

3. ฟันปลอมชนิดฐานนิ่ม มีลักษณะคล้ายกับฟันปลอมฐานพลาสติก แต่ในส่วนบริเวณฐานฟันปลอมจะทำด้วยวัสดุพลาสติกที่มีความยืดหยุ่นแทน มักจะใช้ในกรณีที่ฟันหายไปจำนวนน้อยๆเช่น 1หรือ2ซี่

ข้อดีของฟันปลอมชนิดฐานนิ่ม

1. มีความยืดหยุ่นสูง ทำง่าย ใส่พอดีได้ง่าย
2. สามารถปรับด้วยตัวเองได้ ให้นำมาแช่น้ำอุ่น จากนั้นให้นำเข้าไปใส่ในปาก
3. จะสามารถปรับให้พอดีได้เอง
4. สวยงาม
5. ไม่แตก และไม่ค่อยหักง่าย 

ข้อเสียของฟันปลอมชนิดฐานนิ่ม

1. ราคาสูงกว่าฟันปลอมฐานพลาสติกธรรมดา

2. ฐานของฟันปลอมสามารถดูดสีและกลิ่นจากอาหารที่รับประทานได้

3. เวลาเคี้ยวอาหารอาจรู้สึกว่าฟันปลอมมีการยวบขึ้นลงตามการบดเคี้ยว

4. ฟันปลอมทั้งปาก ในกรณีที่มีการสูญเสียฟันไปทั้งหมด การใส่ฟันปลอมทั้งปาก จะสามารถทดแทนฟันธรรมชาติได้ วัสดุที่ใช้ในการทำฟันปลอมทั้งปาก ส่วนใหญ่ฐานทำมาจากอะคริลิกแบบแข็ง สีชมพูเหมือนกับสีของเหงือก แบ่งตามวิธีการทำได้ 3 แบบ คือ

ฟันปลอมทั้งปากแบบดั้งเดิม: ฟันปลอมทั้งปากแบบดั้งเดิม จะทำได้หลังจากที่ถอนฟันทั้งปากออกหมด และรอแผลถอนฟันหาย เหงือกเข้าที่ และเนื้อเยื่อต่างๆหายเป็นปกติ ซึ่งมักจะต้องรอหลังถอนฟันอย่างน้อย ประมาณ 1-2 เดือน ในบางกรณี อาจต้องรอนานถึง 6 เดือน ในกรณีที่มีการตัดแต่งกระดูกร่วมด้วย ในระหว่างที่รอแผลถอนฟันหาย จะไม่มีฟันในช่วงเวลานั้นๆ

ฟันปลอมทั้งปากแบบทันที: จะมีการเตรียมทำไว้ก่อนที่จะทำการถอนฟันออก และภายหลังถอนฟันทั้งหมดออกไป ก็สามารถใส่ฟันปลอมทดแทนได้ทันที มีข้อดีคือจะช่วยให้ไม่ต้องขาดฟัน แต่อย่างไรก็ดีฟันปลอมชนิดนี้จะหลวมมากขึ้นเรื่อยๆ ภายหลังจากที่ใส่ไป เนื่องจากกระดูกขากรรไกรและสันเหงือก จะเกิดการยุบตัวลงเรื่อยๆ ดังนั้นภายหลังจากที่สันเหงือกยุบตัวลงจนเข้าที่แล้ว อาจจะต้องทำฟันปลอมชุดใหม่ หรือทำการเสริมฐานฟันปลอมชุดเดิม เพื่อให้แน่นขึ้น

ฟันปลอมทั้งปากแบบวางบนรากเทียม: ฟันปลอมทั้งปากชนิดนี้ จะคล้ายกับฟันปลอม ทั้งปากแบบดั้งเดิม แต่จะมีรากเทียมที่ฝังเตรียมเอาไว้ก่อนแล้ว เป็นตัวช่วยยึดฟันปลอมทำให้ฟันปลอมชนิดนี้แน่นเทียบเท่าฟันธรรมชาติ สามารถบดเคี้ยวอาหารได้อย่างมีประสิทธิภาพ และไม่หลุดง่ายๆ

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับฟันปลอม

ฟันปลอมแบบไหนใส่แล้วเจ็บน้อยที่สุด ?
ไม่มีทันตแพทย์คนไหนสามารถตอบคำถามนี้ได้ เพราะฟันปลอมถอดได้ทุกแบบ อีกทั้งยังต้องอาศัยระยะเวลาในการปรับตัว เพื่อให้คุ้นเคยกับฟันปลอมที่ทำขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็นการปรับตัวในการเคี้ยว หรือการพูดออกเสียง แต่ทั้งนี้ หากได้ลองใส่ให้คุ้นชินกับฟันปลอมนั้นๆซักพักหนึ่ง ทุกคนก็จะสามารถปรับตัวให้ยอมรับกับฟันปลอมได้ จนสามารถใช้ฟันปลอมในการดำรงชีวิตได้อย่างดี เหมือนเป็นอวัยวะอีกชิ้นหนึ่ง

ทำฟันปลอมต้องใช้เวลานานไหม ?
การทำฟันปลอมนั้น ไม่ว่าจะเป็นแบบไหนก็ตาม ก็ไม่สามารถทำให้เสร็จภายในครั้งเดียวได้ ใช้เวลา 2-3 ครั้งขึ้นไป 

ใส่ฟันปลอมแล้วจัดฟันได้หรือไม่ ?
หากใส่ฟันปลอมแบบติดแน่น เช่น ครอบฟันหรือสะพานฟัน จะสามารถจัดฟันได้ตามปกติ แต่ถ้าหากใส่ฟันปลอมแบบถอดได้ อาจต้องหยุดใส่ฟันปลอมในระหว่างที่ทำการจัดฟัน เพราะพอฟันเกิดการเคลื่อนที่ จะทำให้ใส่ฟันปลอมไม่ลง และภายหลังจัดฟันเสร็จ หากยังมีช่องว่างเหลืออยู่ คุณจะต้องทำฟันปลอมชุดใหม่