ลือกยาสีฟันเด็กอย่างไรดี ต้องพิจารณาอะไรบ้าง

1. มีฟลูออไรด์
มีส่วนผสมของฟลูออไรด์ที่ปริมาณความเข้มข้น 1000-1500 ppm เพราะฟลูออไรด์ช่วยในการป้องกันฟันผุ และการแปรงฟันด้วยยาสีฟันฟลูออไรด์เป็นประจำ ทำให้ฟันของเด็กๆได้รับฟลูออไรด์อย่างสม่ำเสมอ ซึ่งจะทำให้โครงสร้างของฟันมีความแข็งแรง ต้านทานต่อกรดที่เกิดจากแบคทีเรียในช่องปากได้ โดยที่แนะนำดังนี้ค่ะ

1. ฟันน้ำนมซี่แรกขึ้น ใช้ยาสีฟันฟลูออไรด์ที่มีความเข้มข้น1000 ppm
2. เด็กอายุ 6ปีขี้นไป ใช้ยาสีฟันฟลูออไรด์ที่มีความเข้มข้น1500 ppm
3. เด็กอายุต่ำกว่า 6 ปี แนะนำให้ใช้ยาสีฟันฟลูออไรด์ 1500 ppm เมื่อเข้าเกณฑ์ดังนี้
    3.1 เด็กอายุต่ำกว่า 3 ปี ที่มี ความเสี่ยงฟันผุสูงมาก (มีความเสี่ยงสูงมากจากการประเมินความเสี่ยงฟันผุ หรือ มีคราบจุลินทรีย์ชัดเจนบริเวณฟันหน้าบนและมีฟันผุ)
    3.2 เด็กอายุ 3-6 ปี ที่มี ความเสี่ยงฟันผุสูง (มีความเสี่ยงสูงจากการประเมินความเสี่ยงฟันผุ)
ปริมาณดังกล่าวนี้จะมีการระบุอยู่ข้างกล่องของยาสีฟัน ก่อนที่คุณพ่อคุณแม่จะเลือกซื้อ ยาสีฟันเด็ก ควรพลิกดูปริมาณฟลูออไรด์ที่ระบุไว้บนฉลาก ก่อนการตัดสินใจค่ะ

2. มีฟองน้อย
โดยสารที่ทำให้เกิดฟอง คือ sodium lauryl sulfate(SLS) เป็นสารที่ช่วยในการละลายคราบที่สะสมบนผิวฟัน แต่ข้อเสียของสารชนิดนี้ คือจะไปจำกัดการดูดซึมฟลูออไรด์ และอาจจะระคายเคืองช่องปากเด็กบางคนได้ ทำให้เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดแผลในช่องปาก และสิ่งสำคัญอีกอย่าง คือ หมอฟันเด็กมักจะแนะนำให้ใช้ยาสีฟันเด็กที่มีฟองน้อย เพราะจะได้ลดโอกาสที่เด็กจะกินหรือกลืนยาสีฟันลงไปในคอ อีกหนึ่งข้อดีของยาสีฟันที่มีฟองน้อยคือ คุณพ่อคุณแม่สามารถมองเห็นบริเวณที่จะแปรงชัดเจนยิ่งขึ้นอีกด้วยค่ะ

3. กลิ่นและรสชาติดี
มีกลิ่นและรสชาติ ที่ถูกใจเด็ก ยาสีฟันเด็กที่มีวางขายในท้องตลาดทุกวันนี้ มีมากมายหลากหลายยี่ห้อ และมีรสชาติที่แตกต่างกันมากมาย การเลือกยาสีฟันเด็กชนิดที่เด็กชอบ จะช่วยเพิ่มความอยากในการแปรงฟันของลูกน้อย ให้การแปรงฟัน กลายเป็นกิจกรรมที่น่าสนุกสำหรับเด็กๆ

ปริมาณยาสีฟันเด็กที่เหมาะสม?

การใช้ยาสีฟันในเด็ก ต้องใช้ในปริมาณที่เหมาะสมไม่มากหรือน้อยเกินไป เนื่องจากการใช้ยาสีฟันมากเกินไป จะเพิ่มโอกาสที่เด็กจะกินหรือกลืนยาสีฟันลงไปในคอ ซึ่งจะส่งผลเสียระยะยาว เช่น ทำให้เกิดฟันตกกระในฟันแท้ ซึ่งปริมาณที่แนะนำในปัจจุบันได้ผ่านการคำนวนว่าปลอดภัยหากเด็กมีการกลืนยาสีฟันลงไป และถ้าหากใช้ยาสีฟันน้อยเกินไปประสิทธิภาพที่เราจะได้จากการใช้ฟลูออไรด์ก็จะน้อยลงตามไปด้วย ซึ่งปริมาณยาสีฟันเด็กที่เหมาะสม สำหรับช่วงอายุต่างๆมีดังนี้

1. เด็กอายุ 6 เดือน หรือฟันซี่แรกขึ้น – 3 ปี หรือ ยังมีฟันน้ำนมขึ้นไม่ครบ 20ซี่
ปริมาณยาสีฟันเด็กที่เหมาะสม คือ เมล็ดข้าวสาร หรือแค่พอเลอะขนแปรงเท่านั้น โดยผู้ปกครองควรเป็นผู้แปรงฟันให้ ในท่านอน หลังจากแปรงฟันเสร็จ ให้ใช้ผ้าสะอาดเช็ดเอายาสีฟันออกทันที

2. เด็กอายุ 3 – 6 ปี หรือ เป็นวัยที่มีฟันน้ำนมครบ 20ซี่แล้ว และยังไม่มีฟันแท้ในช่องปากเลย
ปริมาณยาสีฟันเด็กที่เหมาะสม คือ เมล็ดข้าวโพด หรือเท่าแนวขวางของแปรงสีฟันเด็ก โดยผู้ปกครองยังควรที่จะแปรงฟันให้อยู่ หรืออาจจะให้เด็กแปรงเองก่อน และผู้ปกครองเป็นคนดูแลความสะอาดซ้ำอีกรอบหนึ่ง จากนั้นให้บ้วนยาสีฟันออก โดยไม่ต้องใช้น้ำตามหรือบ้วนน้ำแต่น้อยเพียง 1 ครั้ง หากเด็กยังบ้วนปากไม่เป็น อาจใช้ผ้าสะอาดเช็ดยาสีฟันออกภายหลังแปรงฟันเสร็จ

3. เด็กอายุ 6 ปีขึ้นไป หรือ เริ่มมีฟันแท้ขึ้นมาในช่องปาก
ปริมาณยาสีฟันเด็กที่เหมาะสม คือ เท่าความยาวของแปรงสีฟัน โดยในช่วงวัยนี้ เด็กสามารถแปรงฟันเองได้ แต่ควรมีผู้ปกครองคอยตรวจความสะอาดซ้ำอีกครั้งหนึ่ง ภายหลังแปรงฟันเสร็จ จากนั้นให้บ้วนยาสีฟันออก โดยไม่ต้องใช้น้ำตามหรือบ้วนน้ำแต่น้อยเพียง 1 ครั้ง
การแปรงฟันด้วยวิธีที่ถูกต้อง ควบคู่ไปกับการเลือกใช้ยาสีฟันที่ดี ใช้ไหมขัดฟันในบริเวณที่ฟันชิดกัน รวมถึงรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ไม่ก่อให้เกิดฟันผุ จะทำให้ลูกน้อยมีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดี ปลอดจากฟันผุได้ค่ะ

ยาสีฟันเด็ก ยี่ห้อไหนดี?!
เป็นคำถามที่ผู้ปกครองหลายๆท่าน สงสัยมากที่สุดในการเลือกซื้อยาสีฟันให้ลูก ซึ่งคำตอบของคำถามข้อนี้ คือ ยาสีฟันยี่ห้ออะไรก็ได้ ที่อาจจะไม่ใช่ยาสีฟันที่แพงที่สุด แต่เป็นยาสีฟันที่มีคุณสมบัติดังที่กล่าวไปข้างต้น และเป็นยาสีฟันที่เด็กได้มีโอกาสเลือกกลิ่นและรสชาติด้วยตัวเอง ซึ่งถือว่าเป็นการให้เด็กมีส่วนร่วมในการเลือกยาสีฟัน และแปรงสีฟัน รวมถึงให้เด็กๆแปรงเองก่อน จะทำให้การแปรงฟันสนุกสนานมากยิ่งขึ้น เวลาเปลี่ยน ยาสีฟันเด็กยี่ห้อใหม่ๆ คุณพ่อคุณแม่ควรสังเกตว่า ลูกมีอาการแพ้เกิดขึ้นหรือไม่ เช่น อาจเกิดผื่นขึ้นบริเวณรอบๆปากหรือบริเวณคาง ที่รอยแผลอักเสบบริเวณปาก หรือคาง กับเด็ก โดยที่ไม่ทราบสาเหตุแน่ชัด ควรเตรียมข้อมูลเกี่ยวกับยาสีฟันเด็กที่ใช้ หรือข้อมูลเกี่ยวกับการเปลี่ยนยี่ห้อยาสีฟันเด็ก แจ้งให้คุณหมอทราบด้วยค่ะ

ยาสีฟันเด็กแบบกลืนได้ สามารถใช้ได้ไหม?
ยาสีฟันเด็กบางยี่ห้อที่อ้างกลืนได้ มักจะเป็นยาสีฟันเด็กชนิดที่ไม่มีส่วนผสมของฟลูออไรด์ ซึ่งจะไม่มีประสิทธิภาพในการป้องกันฟันผุ จะแนะนำให้ผู้ปกครองใช้เพื่อเป็นการฝึกแปรงฟันและเช็ดเอายาสีฟันออกให้คล่อง ก่อนที่จะเปลี่ยนมาใช้ยาสีฟันชนิดที่ผสมฟลูออไรด์ค่ะ

กลืนยาสีฟันทุกวัน อันตรายไหม?
ยาสีฟันเด็กจะมีฟลูออไรด์เป็นส่วนผสมอยู่ การได้รับฟลูออไรด์มากเกินไป จะสะสมให้เกิดผลเสียในระยะยาวได้ เช่น เกิดฟันตกกระในฟันแท้ การใช้ยาสีฟันในปริมาณที่เหมาะสมตามช่วงวัย จะลดโอกาสในการเกิดภาวะฟันตกกระได้ เนื่องจากเป็นปริมาณที่ปลอดภัย ถึงแม้เด็กจะกลืนลงไป ก็ไม่ก่อให้เกิดอันตราย ส่วนผลเสียแบบเฉียบพลันที่เกิดจากการกลืนยาสีฟันฟลูออไรด์ อาการที่จะพบ ได้แก่การอาเจียน มึน เวียนศีรษะ โดยมักจะเกิดจากการที่เด็กกลืนยาสีฟันทั้งหลอด ซึ่งมักจะเกิดได้ยาก เพราะในการแปรงฟันของเด็กเล็กมักจะมีคุณพ่อคุณแม่คอยแปรงให้อยู่แล้วค่ะ แต่ทั้งนี้ ควรฝึกเช็ดยาสีฟันให้คล่อง และสอนให้ลูกบ้วนยาสีฟันออกจะดีที่สุดค่ะ

ยาสีฟันเด็กแบบเจลกับแบบครีม แตกต่างกันอย่างไร?
ยาสีฟันเด็กแบบครีมจะมีปริมาณผงขัดฟันมากกว่าแบบเจล ซึ่งจะสามารถขัดทำความสะอาดได้มากกว่า ดังนั้นในเด็กที่มีคราบจุลินทรีย์สะสมอยู่ค่อนข้างมาก การใช้ยาสีฟันแบบครีม จะช่วยขจัดคราบสะสมที่ตัวฟันได้ดีกว่าแบบเจลค่ะ

แปรงแห้งคืออะไร จำเป็นไหม
แปรงแห้งคือ การแปรงฟันด้วยยาสีฟันผสมฟลูออไรด์โดยไม่ใช้น้ำ วิธีการ คือไม่บ้วนน้ำก่อนแปรงฟัน ไม่เอาแปรงสีฟันจุ่มน้ำ และหลังจากแปรงฟันเสร็จแล้วให้บ้วนฟองทิ้ง โดยไม่ต้องบ้วนน้ำตาม หรือบ้วนน้ำแต่น้อยเพียง 1 ครั้ง โดยการแปรงแห้งจะทำให้เราได้รับประโยชน์จากการใช้ยาสีฟันผสมฟลูออไรด์อย่างเต็มที่ ทำให้ประสิทธิภาพในการป้องกันฟันผุเกิดเต็มที่